ประวัติความเป็นมาของ ทางเดินคนพิการทางสายตา
(Tactile Paving หรือ Braille Blocks) และการใช้ สีเหลือง มีต้นกำเนิดและพัฒนาการที่น่าสนใจ
จุดเริ่มต้นของทางเดินคนตาบอด
• ผู้คิดค้น:
ทางเดินสัมผัสสำหรับผู้พิการทางสายตาถูกคิดค้นขึ้นโดย นายเซอิอิ อิซูอิ (Seiichi Miyake) ชาวญี่ปุ่น ในปี 1965
• แรงบันดาลใจ:
เขาคิดค้นสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนที่ตาบอดให้สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยและเป็นอิสระมากขึ้น
• การใช้งานครั้งแรก:
ทางเดินสัมผัสนี้ถูกติดตั้งครั้งแรกที่เมือง โอคายาม่า ประเทศญี่ปุ่น ในปี 1967
การออกแบบพื้นผิว
ทางเดินสัมผัสแบ่งออกเป็น 2 แบบหลัก:
1. แบบปุ่มกลม (Blister / Dots)
• ใช้เตือนว่ามีทางข้ามถนนหรือสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้า
2. แบบเส้นตรง (Directional / Stripes)
• ใช้แนะนำทิศทางให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างปลอดภัย
![]() |
ทำไมถึงใช้ สีเหลือง?
1. ความคมชัดสูง:
• สีเหลืองตัดกับสีของพื้นทั่วไป เช่น สีเทา สีดำ หรือสีน้ำตาล ทำให้มองเห็นได้ง่ายแม้ในแสงน้อย
2. ตอบโจทย์ผู้มีสายตาเลือนราง:
• สีเหลืองยังมองเห็นได้ชัดเจนโดยผู้ที่ไม่ได้ตาบอดสนิทแต่มีการมองเห็นบกพร่อง
3. ญี่ปุ่นเป็นผู้กำหนดแนวปฏิบัติ:
• ประเทศญี่ปุ่นเลือกใช้สีเหลืองตั้งแต่เริ่มต้น และแนวคิดนี้แพร่หลายไปทั่วโลก จนกลายเป็นมาตรฐานในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย
4. เชื่อมโยงกับสัญญาณเตือน:
• สีเหลืองมักสื่อถึง “ความระมัดระวัง” ซึ่งเหมาะกับการแจ้งเตือนให้ผู้คนรับรู้ถึงเขตพิเศษ
การแพร่หลายสู่ต่างประเทศ
หลังจากเริ่มต้นในญี่ปุ่น ระบบทางเดินคนพิการทางสายตาแพร่หลายอย่างรวดเร็ว:
• อังกฤษและยุโรปเริ่มใช้ในช่วงปลายทศวรรษ 1980
• ประเทศไทยเริ่มมีการใช้อย่างจริงจังในช่วง พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา
• ปัจจุบันถูกบรรจุในข้อกำหนดของ “การออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design)” โดยหลายหน่วยงาน เช่น องค์การสหประชาชาติ (UN), WHO ฯลฯ
ทางเดินคนพิการที่ใช้สีเหลืองโดยเฉพาะทางเดินสำหรับผู้พิการทางสายตา
(Tactile Paving หรือ Braille Blocks)
เหตุผลหลักดังนี้
1. ความสามารถในการมองเห็นได้ชัดเจน
• สีเหลืองเป็นสีที่มีความโดดเด่นและมองเห็นได้ง่ายทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
• มีความแตกต่างสูงเมื่ออยู่กับพื้นถนนหรือพื้นฟุตพาทที่มักเป็นสีเทาหรือดำ
2. การตอบสนองต่อผู้มีสายตาเลือนราง
• ผู้ที่มีสายตาเลือนรางหรือบกพร่องบางส่วนยังสามารถแยกแยะสีเหลืองได้ดีกว่าสีอื่น
3. มาตรฐานสากล
• หลายประเทศกำหนดให้ใช้สีเหลืองเพื่อให้เป็นมาตรฐานที่เข้าใจได้ง่าย
• ในบางประเทศอาจใช้สีอื่น เช่น สีขาวหรือสีแดง แต่สีเหลืองเป็นที่นิยมมากที่สุด
4. ความปลอดภัยและการแจ้งเตือน
• สีเหลืองเป็นสีที่มักใช้ในป้ายเตือนภัยและสัญลักษณ์ความปลอดภัย ทำให้ผู้ใช้ระวังตัวมากขึ้น
• ช่วยแยกความแตกต่างระหว่างพื้นที่เดินปกติและพื้นที่สำหรับคนพิการทางสายตา
ประวัติและการพัฒนาทางเดินคนพิการในประเทศไทย
การเริ่มใช้ในประเทศไทย
• ทางเดินสำหรับคนพิการ โดยเฉพาะผู้พิการทางสายตา เริ่มมีการนำมาใช้ในประเทศไทยอย่างจริงจังในช่วง ปลายทศวรรษ 2530 ถึงต้นทศวรรษ 2540
• โครงการนำร่องแรก ๆ มักอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร เช่น แถวถนนราชดำเนิน อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และสถานีรถไฟฟ้า
กฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้อง
• พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550
• มาตรา 20 ระบุให้คนพิการมีสิทธิในการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก บริการ และข้อมูลข่าวสาร
• กฎกระทรวงกำหนดคุณลักษณะอาคารสำหรับคนพิการและคนทุกวัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555
• กำหนดให้ต้องมี “ทางเดินนำทาง” และ “พื้นผิวต่างสัมผัส” สำหรับผู้พิการทางสายตาในอาคารสาธารณะ สถานีขนส่ง ฯลฯ มาตรฐานด้านวิศวกรรม
หน่วยงานที่ออกมาตรฐาน
• สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
→ ออก มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ที่เกี่ยวข้องกับทางเดินสำหรับผู้พิการ เช่น:
• มอก. 2420-2552: “แผ่นทางเดินสัญญาณสำหรับผู้พิการทางการเห็น”
• กำหนดคุณลักษณะของแผ่นนำทาง เช่น:
• ความสูงของปุ่มหรือแนวเส้น
• ความทนทาน
• สี เหลืองหรือสีตัดกับพื้นโดยรอบ เพื่อเพิ่มความชัดเจน
• วัสดุที่ไม่ลื่นและปลอดภัย
• กรมโยธาธิการและผังเมือง
→ จัดทำ คู่มือการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (Universal Design) ที่ระบุการใช้ “แผ่นพื้นต่างสัมผัส” และ “สีเหลือง” อย่างชัดเจนในจุดสำคัญ เช่น:
• สถานีขนส่ง
• สถานที่ราชการ
• โรงพยาบาล
• ทางข้ามถนน
• ฟุตบาท
ปัญหาและการพัฒนาในไทย
ปัญหาที่พบบ่อย
• การติดตั้งไม่ถูกวิธี เช่น ทางเดินนำทางชนเสาไฟฟ้าหรือสิ่งกีดขวาง
• วัสดุไม่ได้มาตรฐานหรือเสื่อมสภาพง่าย
• ใช้พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์ เช่น วางของขายบนทางนำทาง
แนวโน้มการพัฒนา
• มีความพยายามปรับปรุงจากทั้งภาครัฐและเอกชนให้การออกแบบเป็น “Universal Design”
• มีการจัดงบประมาณเพื่อปรับปรุงฟุตบาทและถนนให้เข้าถึงได้สำหรับทุกคน