ราวเหล็กกันชนเหมือนกันตรงไหน? ต่างกันตรงไหน?
ไม่ใช่แค่เหล็กธรรมดา… แต่คือด่านแรกที่ปกป้องชีวิต
วันนี้เราจะพาไปดูว่า ความหนาของท่อเหล็กแต่ละระดับ…มีผลต่อความปลอดภัยแค่ไหน?
การเลือกความหนาของ ราวเหล็กกันชน (หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า กันชนเหล็ก/ราวเหล็กป้องกัน) มีผลต่อความแข็งแรง ทนแรงกระแทก และการใช้งานในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยเฉพาะงานจราจร งานโกดัง โรงงาน หรือพื้นที่จอดรถ
ต่อไปนี้คือการเปรียบเทียบ ตามความหนาของท่อเหล็ก
1. หนา 1.8 มม. (เบาสุดในกลุ่มนี้)
• เหมาะกับ: งานเบา, กันเฉี่ยวเล็กน้อย, พื้นที่ภายในอาคาร
• ระดับการกันชน: กันรถเข็น, จักรยาน, มอเตอร์ไซค์ หรือรถชะลอความเร็วแล้วชน
• ข้อดี: ราคาถูก น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย
• ข้อจำกัด: ไม่เหมาะกันรถยนต์ชนแรง ๆ
2. หนา 2.3 มม. (ระดับกลาง ใช้บ่อยที่สุด)
• เหมาะกับ: พื้นที่จอดรถ, ขอบเสาโกดัง, ป้อมยาม, กันชนรถทั่วไป
• ระดับการกันชน: กันรถยนต์ชนเบาถึงกลาง เช่น ชนแบบไม่ตั้งใจตอนถอย
• ข้อดี: สมดุลระหว่างความแข็งแรงและราคา ใช้กันแพร่หลายในงานราชการและเอกชน
• ข้อจำกัด: ถ้ารถชนแรงมาก ยังมีโอกาสบิดงอ
3. หนา 3.2 มม. (แข็งแรงที่สุดในกลุ่มนี้)
• เหมาะกับ: พื้นที่เสี่ยงสูง, โรงงานอุตสาหกรรม, ท่าเรือ, ลานจอดรถบรรทุก
• ระดับการกันชน: รับแรงกระแทกจากรถยนต์หรือรถบรรทุกที่ชนแรงได้ดี
• ข้อดี: ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน กันเสียหายได้สูงสุด
• ข้อจำกัด: หนัก ติดตั้งต้องใช้แรงงานมากขึ้น ราคาสูงกว่ารุ่นบาง
“ความหนาของท่อเหล็ก มีผลต่อการรับแรงกระแทกโดยตรง เลือกไม่ถูก เสี่ยงทั้งทรัพย์สินและความปลอดภัย!”
![]() |